ออกแบบคลังสินค้า ให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสร้างสรรค์การเติบโตทางธุรกิจ
ส่วนหนึ่งของระบบธุรกิจ งานคลังสินค้าถือเป็นส่วนประกอบสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ช่วยสนับสนุนทั้งด้านการผลิต จำหน่าย กระจายสินค้าและขนส่ง ซึ่งต้องได้รับการบริหารจัดการให้เหมาะสม สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายและแนวนโยบายการดำเนินธุรกิจ เป็นแหล่งตรวจรับ คัดแยก จัดเก็บ รวบรวม แลกเปลี่ยน บรรจุ ส่งต่อ กระจาย วัตถุดิบ สินค้า ผลิตภัณฑ์ทั้งหลายในธุรกิจประเภทต่าง ๆ ให้ส่งถึงผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ สิ่งเหล่านี้จึงต้องเริ่มต้นด้วยการออกแบบคลังสินค้าที่จะเกิดขึ้นกับระบบคลังสินค้าในธุรกิจใหม่หรือระบบเดิมที่ต้องการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัย จนกระทั่งมุ่งไปสู่การเป็น smart warehouse ในอนาคตได้ แล้วจะมีเทคนิคการออกแบบคลังสินค้าให้ตอบโจทย์การจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างไรบ้างนั้น ติดตามได้จากบทความด้านล่างนี้กันเลย
คลังสินค้าเป็นพื้นที่จัดเก็บสินค้าให้ปลอดภัย ไร้ความเสียหาย มีทั้งแบบที่เป็นเจ้าของคลังสินค้าเองและการเช่าคลังสินค้า ทำหน้าที่รับสินค้า แยกแยะ พัก จัดเก็บไว้ตามหมวดหมู่ รอการส่งต่อ กระจาย หรือขนส่ง บางครั้งอาจเรียกชื่ออื่น ๆ ด้วย คือ โกดัง โรงเก็บสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า ผู้ที่ใช้งานส่วนใหญ่จะเป็น ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ผู้ค้าส่ง ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งหรือโลจิสติกส์ ลักษณะมักเป็นอาคารชั้นเดียว พื้นที่โล่งกว้าง ใช้เป็นสถานที่ พื้นที่จัดเก็บสินค้าโดยไม่เสื่อมสภาพ มักอยู่ใกล้เขตอุตสาหกรรม สถานีรถไฟ สนามบิน ท่าเรือ จัดเก็บสินค้า วัตถุดิบหลากหลายชนิด ทั้งส่วนเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม โดยมีการตรวจนับ ตรวจสอบสภาพ คุณภาพ บริหารจัดการสินค้าคงคลัง ซึ่งจากข้อมูลเหล่านี้จึงจะเห็นได้ถึงความสำคัญของคลังสินค้า จึงต้องมีการออกแบบคลังสินค้าให้เหมาะสม ตอบโจทย์ตามความต้องการให้ดีที่สุด
การออกแบบคลังสินค้าในยุคดิจิทัลไม่เพียงเกี่ยวกับพื้นที่จัดเก็บเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงการเชื่อมโยงระบบข้อมูลที่สามารถติดตามสินค้าได้แบบเรียลไทม์ การออกแบบคลังสินค้าที่ดีจะต้องบูรณาการระหว่างการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบคลังสินค้าอย่างรอบคอบจะสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้ถึง 20-30% เมื่อเทียบกับคลังสินค้าแบบดั้งเดิม ทั้งนี้ การออกแบบคลังสินค้าให้มีความยืดหยุ่นยังช่วยรองรับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
9 เทคนิคการออกแบบคลังสินค้าให้ตอบโจทย์การจัดการสินค้าคงคลัง
การจัดการสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับธุรกิจ สินค้าและวิธีการดำเนินงาน ต้องอาศัยการออกแบบคลังสินค้าให้เหมาะสม จึงจะช่วยลดต้นทุน ลดความผิดพลาด ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จัดเก็บสินค้าอย่างเป็นระบบ ค้นหาสินค้าได้ง่าย ป้องกันปัญหาสินค้าตกค้าง เพิ่มความสะดวกในการปฏิบัติงาน ตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็วมากที่สุด
- ศึกษาทำความเข้าใจธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ สินค้า วัตถุดิบ ที่จะพบในระบบคลังสินค้า : การออกแบบคลังสินค้าเริ่มต้นจากต้องรู้ก่อนว่าสินค้าที่จะจัดเก็บ รักษา นำจ่ายนั้นเป็นอะไร ประเภทไหนบ้าง ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละธุรกิจ และถึงแม้จะอยู่ภายใต้ธุรกิจเดียวกัน สินค้าอาจคล้ายกันก็จริง แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันได้ ทำให้การจัดเก็บแตกต่างกันด้วยเช่นกัน โดยทำให้มีผลต่อการสร้างระบบคลังสินค้า อาทิ
- การจัดการเรื่องอุณหภูมิ ที่ต้องคำนึงถึงในธุรกิจอาหาร ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เครื่องดื่ม
- การจัดการเรื่องความสะอาด ปลอดภัย ในธุรกิจทางการแพทย์ ยารักษาโรค
- การจัดการเรื่องขนาดพื้นที่ ในธุรกิจเครื่องมือ เครื่องจักร ท่อ ม้วนสายไฟ ขนาดใหญ่
- สำรวจปริมาณ ลักษณะสินค้า ขนาด น้ำหนัก ที่ต้องการจัดเก็บในแต่ละประเภท : วัตถุดิบ สินค้า ผลิตภัณฑ์ แต่ละชนิดมีขนาด รูปแบบรูปทรง วัสดุ การบรรจุ น้ำหนัก แตกต่างกัน ให้ทำการกะประมาณปริมาณสินค้าในแต่ละหมวดหมู่ที่จะจัดวางในพื้นที่ เพื่อให้สามารถคำนวณพื้นที่ สถานที่จัดเก็บ ชั้นวาง กล่องใส่ของ ให้เหมาะสมและครอบคลุมให้มากที่สุด ทั้งนี้การออกแบบคลังสินค้าต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของสินค้าบางประเภท ที่มีลักษณะเปราะบาง อาจแตกหักเสียหาย ชำรุดจากการจัดเก็บไว้ด้วย
- ออกแบบคลังสินค้าให้ใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด : การจัดวางสินค้าในพื้นที่ที่มีอย่างจำกัดให้คำนึงถึงการใช้พื้นที่ทั้งแนวราบและแนวตั้ง ทั้งความกว้าง ความยาว และความสูง เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้ได้มากที่สุด แบ่งการจัดเก็บตามประเภทสินค้า สินค้าหนักวางชั้นล่าง สินค้าน้ำหนักเบาวางชั้นบน การใช้ชั้นวางของที่แข็งแรง ระยะห่างแต่ละชั้นพอดี จัดเรียงสินค้าให้เป็นระเบียบ สะดวกในการค้นหา แบ่งพื้นที่ให้สำหรับทางเดิน ช่องทางการขนย้ายที่เพียงพอสำหรับแฮนด์ลิฟท์ โฟล์คลิฟท์ หรืออุปกรณ์ที่จำเป็นอื่น ๆ ออกแบบให้สามารถใช้พื้นที่ได้เต็มพื้นที่ให้คุ้มค่าและสินค้าไม่เสียหาย
- ใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเข้าช่วยในการจัดการสินค้าคงคลัง : การออกแบบคลังสินค้าในปัจจุบันต้องมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ ระบบ AI ระบบ smart warehouse หรือแม้กระทั่งหุ่นยนต์ เข้ามาช่วยปฏิบัติงานจัดการระบบคลังสินค้า เพื่อช่วยทุ่นแรง ลดข้อผิดพลาด ทั้งการจัดเก็บ เคลื่อนย้าย จัดส่ง ค้นหาสินค้า ทำให้เกิดความแม่นยำ ควบคุมจำนวนสินค้าได้ ลดต้นทุน ลดเวลา เพิ่มผลกำไร สินค้าเกิดการหมุนเวียนมากขึ้นSmart Warehouse ถือเป็นก้าวสำคัญของการปฏิวัติระบบคลังสินค้าในยุคดิจิทัล ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี IoT, AI และระบบอัตโนมัติเข้าด้วยกัน ทำให้การบริหารจัดการคลังสินค้ามีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์ เพิ่มความแม่นยำในการติดตามสินค้า และช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของสินค้าแบบเรียลไทม์ ส่งผลให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนการดำเนินงาน ยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
- ออกแบบคลังสินค้าให้มีความยืดหยุ่น : ประเมินการเติบโตทางธุรกิจของสินค้า ผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท แต่ละหมวดการใช้งาน รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยเตรียมพร้อมรับกับอัตราส่วนขยายของพื้นที่จัดเก็บสินค้า อาทิ การเพิ่มพื้นที่ในแนวตั้งโดยการเพิ่มจำนวนชั้นวาง การขยายพื้นที่ต่อเติมในแนวราบออกไปได้ การวางแผนล่วงหน้าไม่ใช้เรื่องเสียหายทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการรื้อระบบ
- ออกแบบคลังสินค้าให้มีความแข็งแรงทนทาน เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เหมาะสม และเครื่องมืออุปกรณ์มีคุณภาพ : คลังสินค้าเป็นพื้นที่ที่ต้องใช้งานตลอด และยาวนาน การปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซม ทำได้ไม่สะดวกนัก การเลือกใช้วัสดุในการเริ่มต้นก่อสร้างจึงเป็นเรื่องสำคัญ เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง มีความคงทน ป้องกันความชื้น พื้นรองรับน้ำหนักสินค้าได้ตามมาตรฐาน มีประสิทธิภาพในการใช้งานระยะยาว ประตู หน้าต่าง ทางเข้า ทางเดิน พื้น ชั้นวาง พาเลท รถเข็น โฟล์คลิฟท์ แฮนด์ลิฟท์ ต้องมีมาตรฐาน ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อย
- ออกแบบคลังสินค้าให้มีความปลอดภัย : คลังสินค้าเป็นคลังสมบัติในธุรกิจจึงต้องมีความปลอดภัยอย่างสูงสุด การมีระบบป้องกันอัคคีภัย ติดตั้งฉนวนความร้อน การติดตั้งกล้องวงจรปิด การจำกัดสิทธิ์คนเข้าพื้นที่ การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอันตราย การฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน ถือเป็นเรื่องจำเป็นประการหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้
- ออกแบบคลังสินค้าให้อินเทรนด์ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม : กระแสประหยัดพลังงาน รักษ์สิ่งแวดล้อม ยังคงมีตลอดทุกยุคสมัย การออกแบบคลังสินค้าจึงต้องให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาทิ การใช้วัสดุรีไซเคิลได้ในพื้นที่ใช้งานคลังสินค้า ออกแบบ วางระบบไฟฟ้าแสงสว่างให้เหมาะสม วางการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าให้พอดี ใช้หลอดประหยัดไฟ ใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์
- นำข้อมูลจากลูกค้ามาร่วมพิจารณาออกแบบคลังสินค้า : รวบรวมความพึงพอใจ การตอบกลับ การเคลม ของลูกค้า เพื่อสำรวจความต้องการและปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้มีการจัดการคลังสินค้าได้ อาทิ ความเสียหายจากการขนส่งที่เกิดจากการบรรจุที่ไม่ได้มาตรฐาน ความเสียหายที่เกิดจากตัวผลิตภัณฑ์หรือความเสียหายที่เกิดจากการจัดเก็บเป็นเวลานาน ซึ่งการมีข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยสนับสนุนให้การออกแบบคลังสินค้าเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องขึ้นมาได้
การออกแบบคลังสินค้า สามารถทำได้ทั้งสร้างคลังสินค้าใหม่หรือการปรับปรุงคลังสินค้าที่มีอยู่เดิม ซึ่งต้องเลือกเทคโนโลยี อุปกรณ์ วิธีการที่เหมาะสมกับธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ให้ตอบโจทย์ความต้องการและกระบวนการทำงานให้มากที่สุด ครอบคลุมการรับของเข้า ส่งของออก จัดวางสินค้า ลดความผิดพลาด เพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินงาน มีความปลอดภัย เพื่อประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจระดับสูงสุด
บริษัท เอช เทค เทคโนโลยี จำกัด AECTEC ผู้นำด้านคลังสินค้าอัตโนมัติ เชี่ยวชาญการออกแบบคลังสินค้า การจัดคลังสินค้า การจัดการสินค้าคงคลัง ระบบคลังสินค้า Smart Warehouse ที่มีประสบการณ์มากว่า 15 ปี เราพร้อมให้คำปรึกษา วางแผน ออกแบบ ติดตั้ง บริการหลังการขายแบบครบวงจร จากวิศวกรมืออาชีพ ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ คัดเลือกอุปกรณ์คุณภาพ วิธีการที่เหมาะสม จัดสรรงบประมาณให้ลงตัว จัดการพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการลูกค้า สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพได้อย่างยั่งยืน
สนใจสินค้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ออกแบบคลังสินค้า, Smart Warehouse, Automated Warehouse, การจัดการสินค้าคงคลัง
บริษัท เอช เทค เทคโนโลยี จำกัด
503 ถ.พระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150
โทร. 089-771-8589
Email: acetec@acetec.co.th
LINE : @acetec